วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

  หลวงปู่หล้า      หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล 
ประวัติโดยสังเขป
เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า พระอริยเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2529 ในฝ่ายธรรมยุติ หลังจากอุปสมบทไม่นานก็เกิดความประทับใจกับประสบการณ์ทางจิตที่ได้รับจากการฝึกเล่นๆ จึงตั้งใจอยู่ปฏิบัติต่อ ไปขออยู่กับหลวงตามหาบัว แต่ท่านแนะนำให้ไปอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่หล้าที่ ภูจ้อก้อ เมื่อไปก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่หล้า แต่อยู่วัดใกล้ ๆ กับหลวงปู่หล้า ได้ฝึกฝนตัวเองอย่างอุกฤต เป็นเวลา 5 ปี จึงรู้จักธรรมชาติ พอเป็นที่สบายใจ ท่านมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกลมก็สามารถเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูตผีปีศาจเทวดา นาค ครุฑ ยักษ์อย่างแจ่มชัด แม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้มากมายหลายชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์บ่อยที่สุด คล้ายนิทานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก เป็นพระสงฆ์รูปเดียวและรูปแรกที่กล้าพูดกล้าเปิดเผยเรื่องราวลี้ลับโดยไม่สนใจเสียงส่อเสียดของชาวโลก และเป็นพระที่ไม่สนใจในลาภ ยศ ชื่อเสียง เป็นพระสงฆ์ที่เทพยดาทั้งสูง - ต่ำ ตลอดจนภูตผีปีศาจให้ความเคารพรักมาก วัดของท่านจึงเป็นจุดที่เทพยดาและภูต - ผี - ปีศาจ - เปรต ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่ว ๆ ไปพากันมุ่งไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือและแต่ละวันพวกประชาชนมากหน้าหลายตาทั่ว ๆไปต่างดั้นด้นข้ามภูเขา ผ่านหนทางอันทุรกันดารไปกราบท่านเพื่อปรึกษาหาทางแก้ไขปัญหาชีวิตต่างๆ เมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติก็ประสบผลสำเร็จที่ตนเองวาดหวังไว้ แต่ท่านไม่อยากดัง ถ้าไปขอนำประวัติท่านลงหนังสือท่านจะไม่ยอมพูดด้วย แต่ท่านจะมีเมตตามากในการเทศน์การสอนทั้งวันทั้งคืนท่านมีเวลาพักผ่อนในแต่ละวันน้อยจริงๆ นอกนั้นหมดไปกับการต้อนรับผู้มาเยือน กลางคืนก็ต้องต้อนรับแก้ไขปัญหาหมู่ชนในโลกทิพย์เป็นส่วนมาก แล้วนั่งพูด ๆ ทั้งวัน ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่ายให้นำไปฟังแล้วบอกว่า “ ฟังแล้วให้นำไปปฏิบัติแล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องมาเพราะคนพูดเหนื่อยแล้วนึกอยากทำบุญให้ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ไปวัดก็ได้ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ทำบุญกับพ่อแม่แล้วอุทิศบุญให้เทวดาและเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่ากับถวายทานในพระอรหันต์ วัดของอาตมามีพอกินพอใช้แล้ว ไม่ขาดแคลนอะไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาหลั่งไหลมาทำบุญที่นี่ ” ดังนี้
ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์มีส่วนสัมพันธ์กัน เข้าไปอยู่ในกฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆมาๆ ที่จะไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย ทั้งในส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งในส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังมากและชิงชังน้อย ทั้งในส่วนที่รักและอุปการะมากและน้อย นี่เป็นกรณีหนึ่ง
การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วย ของมนุษย์และสัตว์ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของวิญญาณลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ ในคนทุกคน สัตว์ทุกตัว จะมีเทวดารักษาอย่างน้อย 2 องค์ เทวดาประจำตัวนี่แหละที่ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นคุณงามความดีของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสียก็มี เด็กน้อยบางคนไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะเหมือนมีใครมาอุ้มไว้ก่อนตกถึงพื้น บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุและการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปาฏิหารย์ นั่นคือการปกปักรักษาจากเทวดาประจำตัวเขา และ/หรือ ญาติในโลกทิพย์ของเขา
พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน ถ้าจะนับบุญก็คงใหญ่เท่าภูเขาเลากา หรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้แก่เทวดาที่ช่วยดูแลรักษากิจการงานห้างร้าน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อย มีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อย ๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็น เขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจง หรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้ เขาก็ไม่ได้รับ
การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดของบุญไว้ 3 ประการย่อ ๆ คือ
1. บุญเกิดจากการให้ทาน
2. บุญเกิดจากการรักษาศีล
3. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ
โดยสรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้น เป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบนแล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลกดังนั้นขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิตคิดทันทีว่า “ บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดา ภูต – ผี - ปีศาจ - เปรต – ครุฑ - นาค - ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดามารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการแก้ไขในจุดไหน เช่น เหลือเกินชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน สั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้นท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อย ๆ เทวดารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้น เขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ ท่านก็อธิษฐานด้วยว่า “ เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข ๆ มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และขอให้ช่วยอบรมตักเตือนให้ลูกของข้าเป็นคนดีด้วย ” ดังนี้ ไม่นานหรอก จะเกิดกรณีพิศดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน
คู่ครองของตนเองเป็นคนที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเรา ละเลิกจากความประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำแบบเดียวกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแลกิจการค้าด้วยพร้อมกันไป แล้วอธิษฐานว่า “เทวดารับบุญของเราแล้วโปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าเราร่ำรวยขึ้นก็จะทำบุญให้ท่านยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตนเอง ว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น
จะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วย แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้วโปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มาก ๆ ด้วย”
ไม่ต้องพูด ไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดให้ทันที อย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายไปอยู่ในสวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อย ๆเราจะชำนาญในการคิด เพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปากเวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันที และคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันที อย่าช้า
โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องจากเจ้ากรรมนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชัง กระทำทั้งสิ้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมมีสุขภาพไม่ดี ดังนั้นการรักษาต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้น ๆ และให้แก่เทวดาผู้รักษาตัวเราในขณะเดียวกัน โปรดอธิษฐานว่า “หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่ง ๆ ขึ้นไป” การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลาย ๆ ครั้งจนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น
ควรทำดังนี้เป็นตัวอย่างเช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหน เมื่อส่งบุญให้คิดว่า “บุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง .......... พวกเชื้อโรคมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย”
เช่นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ ชาวประมง คนขายปลาสดตามตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวัน ๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไร วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น (นายเวร) จะตามมาทวงและให้ร้ายได้ทันที ดังนั้น ต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญ แล้วอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่า ทำบ่อย ๆ ส่งบ่อย ๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า “บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่า หรือ ผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้วขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตัวเองเคยสร้างไว้แล้ว จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเราแต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเองหรือตายเพราะฝีมือผู้อื่น ซึ่งมีชีวิตทุกข์ทรมาน”
เอาของให้ทานแก่ผู้ทรงศีล จะพระหรือฆราวาสก็ได้ แล้วอุทิศบุญเจาะจงถึงผีในร่างผู้ป่วยขอให้ได้รับบุญนี้ เมื่อได้บุญแล้วโปรดออกจากร่างผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมออกก็ให้บ่อย ๆ ให้สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆให้เงินห้าบาทสิบบาท ให้กาแฟ 1 แก้ว โอวัลติน 1 แก้ว แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น ในกรณีมีคุณไสยเข้าร่างผู้ป่วย ให้อธิษฐานดังนี้ “ ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม ด้วยอำนาจพระสงฆ์ โปรดจงลบล้างอำนาจชั่วช้าต่ำทรามที่มีผู้ส่งเข้าผู้ป่วยให้สูญสลายไป ณ บัดนี้ ” จากนั้นให้ทานแก่ผู้ทรงศีลขณะนั้นอธิฐานว่า “ ขอบุญนี้จงถึงวิญญาณชั่วร้ายที่มีคนส่งเข้าร่างผู้ป่วย เมื่อเจ้าได้รับบุญแล้วจงมีความสุขความเจริญ จงมีฤทธิ์มีอำนาจหลุดพ้นจากการบังคังกดขี่ของผู้ทรงเวทวิทยาคมที่ส่งเจ้ามา จงออกจากร่างคนป่วยเดี๋ยวนี้ ” ถ้าไม่หายให้ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องไปทำพิธีอะไรอื่น หรือไม่ต้องไปจ้างหมอผีผู้มีวิทยาคมที่ไหนมาแก้ เพราะอำนาจของพระรัตนตรัยนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล
บทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่และเบียดเบียนพวกวิญญาณชั้นต่ำในโลกทิพย์ให้ได้รับความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามมิให้ภิกษุทำน้ำมนต์ขับไล่ผีไว้ในพระวินัยบัญญัติ ดังนั้นเมื่อผู้ใดกล่าวบทสวดมนต์เพื่อเจริญพุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติ โปรดอย่าตั้งจิตเบียดเบียนภูตผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายให้ได้รับความเดือดร้อน เมื่อจะสวดให้ตั้งจิตระลึกเสียก่อนว่า “ ภูตผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลาย บัดนี้เราจะกล่าวบทสวดมนต์ ใครชอบฟังเอาบุญกุศลก็ให้ตั้งใจฟัง หากใครฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นจนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกลับมาเถิด เราไม่ได้สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวดเพื่อเจริญในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเท่านั้น ” การนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ภูตผี ในบ้านนั้นไม่ถูกต้องโดยประการทั้งปวง และควรงดให้เด็ดขาดเพราะวิญญาณนั้นเขาอยู่อาศัยที่นั้นมาก่อนเราอย่างสงบสุข บางตนก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายแล้วมีบุญน้อยกุศลน้อยก็เป็นภูติผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้น ภูติผีบางตนมีความทุกข์เดือดร้อน พยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึกเพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเราไปทำพิธีขับไล่เขายิ่งเดือดร้อน แล้วพวกวิญญาณเหล่านั้นจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้เดือนร้อนวุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนือง ๆ สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์ไล่ผีบ่อย ๆ คนในบ้านจะหาความรักสามัคคีกันไม่ได้เลย พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะขัดแย้ง จนฆ่ากันตายก็มี ต่อไปเมื่อมีเหตุเดือดร้อนควรทำบุญอุทิศให้พวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่สุขสบายก็จะเลิกรบกวนเรา แล้วจะกลับเป็นเทวดาชั้นดีที่คอยปกปักรักษาเราต่อไป
เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบกระเทือนถึงวิญญาณชั้นต่ำให้ได้รับความเดือดร้อนและเคียดแค้นอันจะส่งผลให้เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่รู้ตัว บ้านเรือนเคหะสถาน เป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็นทั้งที่อยู่ของผู้มีชีวิตในโลก และในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ควรเห็นแก่ตัวว่าเป็นสมบัติของเราเพียงผู้เดียว ควรร่วมกันอยู่กันอย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศลถึงอยู่ได้ ถ้าได้รับบุญจากมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไว้ใน
เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา ว่า
ยัสมิง ปะเทเสกัปเปติ วาสัง ปัณฑิตะชาติโย
สีลวันเตตถะ โภเชตวา สัญญะเต พรหมะจาริโน
ยาตัตถะ เทวตา อาสุง ตาสัง ทักขิณะมาทิเส
ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง
ตะโต นัง อนุกัมปันติ มาตา ปุตตังวะ โอระสัง
เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัทรานิ ปัสสะติ
แปลความว่า ผู้ฉลาดชาติบัณฑิต เมื่ออาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปเลี้ยงดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อมบูชาตอบ คือทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้นเหมือนบิดามารดาผู้รักบุตรย่อมอนุเคราะห์บุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือจากเทวดาแล้วย่อมประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองเป็นนิจ
ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ให้ในพระพุทธเจ้าย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์ ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติย่อมมีผลมมากกว่าให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ในสถานภาพปกติ ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระอนาคามี ให้ในพระอนาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้พระสกิทาคามี ให้ในพระสกิทาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้แก่พระโสดาบัน ให้ในพระโสดาบันย่อมมีผลมากกว่าให้แก่ผู้ทรงฌาน ให้ในผู้ทรงฌานย่อมเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ ให้ในผู้มีศีลย่อมมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในคนย่อมมากกว่าให้ในสัตว์ ให้ในสัตว์ผู้โพธิสัตว์ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในสัตว์ที่มีคุณย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ และแม้แต่ให้อาหารแก่พวกมดปลวกก็ยังเกิดบุญกุศล ดังนั้น ชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่มากน้อยต่างกัน เงิน 1 บาทถวายพระอรหันต์มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้ในภิกษุผู้ทุศีลมีผลน้อย นี่คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกก็ให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ก็ให้ถวายในสงฆ์ส่วนรวมก็มีอานิสงส์มาก
ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้น ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลตัวเองรักษาดีแล้ว ไม่ด่างพร้อย ก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ว่า “บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้ขอมอบแก่ ................ ” ดุจที่กล่าวมาในการให้นั่นแล
ให้เริ่มคิดอย่างนี้ “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงดลบันดาลบุญที่ข้าพเจ้ากำลังจะภาวนาเวลานี้ จงสำเร็จแก่ผู้ต้องการบุญ ผู้ใดคิดอยากได้ ขอให้บุญภาวนาที่กำลังจะทำนี้เป็นของท่านตามปรารถนา” หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเอง แล้วก็เริ่มภาวนาได้เลย หลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง
บุญที่ภาวนานี้กำลังแรง พวกภูตผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้จึงต้องเปิดจ่ายไว้ก่อนทำ เขาจะได้รับตามความสามารถของตนเอง ถ้าภาวนาเสร็จแล้วจึงให้ก็เปรียบเหมือนเราเปิดน้ำจากท่อดับเพลิงแล้วให้เขาเอาภาชนะมาตวง เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากฐานจิตของเขาไม่แข็งแรงพอ ถ้าเราอธิษฐานเปิดไว้ก่อนก็เหมือนกับเปิดก๊อกน้ำออกค่อย ๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงได้ แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับบุญใหญ่หลังภาวนาได้ เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงนั่นเอง เช่นการได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจนั่นและคือบุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที
บุญที่เราทำไว้มีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ทำไว้ในอดีตชาติหรือในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้อยู่ในโลกวิญญาณได้ เหมือนเรามีเงินเก็บในธนาคารเราก็อาศัยบัตรเอทีเอ็มกดเงินออกมาใช้จ่ายได้ การเบิกบุญนั้นต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัย คือให้ตั้งจิตคิดอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจของพระธรรม ด้วยอำนาจของพระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าถึงแก่................ ” จะให้ใครก็คิดเอาเอง การเบิกบุญแจกจ่ายนี้สามารถให้ได้ทุกเวลาเมื่อระลึกขึ้นได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม อุจจาระ ปัสสาวะ แม้กำลังร่วมเพศก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ แม้กระทั่งว่าสามีภรรยากำลังร่วมเพศกัน เกิดความสุขความพอใจในขณะนั้น ก็สามารถส่งบุญคือความสุขนั้น ให้แก่ญาติทิพย์ได้
ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิก ล้วนมีวิธีสร้างกุศลผลบุญสะสมคุณงามความดีด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเกิดบุญกุศลขึ้นสามารถส่งถึงผู้อยู่ในโลกทิพย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงเช่นกัน ก่อผลลัพธ์แบบเดียวกัน พุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่นตรงที่มีจุดสุดยอดของการหลุดพ้นจากทุกข์คือนิพพาน มีแนวทางปฏิบัติเพื่อเข้าสู่จุดนั้นโดยเฉพาะ มีคำสอนเต็มไปด้วยเหตุและผลสามารถพิสูจน์ได้แบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งศาสนาอื่นไม่มี ส่วนการทำคุณงามความดีนั้นถึงแม้จะมีแนวทางแตกต่างกันก็เพียงปลีกย่อยเท่านั้น ไม่เป็นที่ขัดแย้งกัน
ทำให้เทวดาที่ได้รับบุญแล้วมีอิทธิฤทธิ์ขึ้น สามารถช่วยเหลือผู้ส่งบุญให้ได้รับความสำเร็จ เทวดาที่รักษาเคหะสถานบ้านช่องบางแห่งสามารถจำแลงแปลงกายเป็นเจ้าของบ้าน เปิด - ปิดทีวี วิทยุ และ ไฟฟ้าในบ้านได้เอง ทำให้พวกลักเล็กขโมยน้อยไม่กล้าเข้าไปลักขโมยเพราะเข้าใจว่าเจ้าของบ้านอยู่ในบ้าน ทั้งที่ความจริงไม่มีคนอยู่ในบ้านเลย เทวดาสามารถป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้บ้าน ป้องกันภัยอันตรายจากพายุ ต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้าน บ้านใหนถูกไฟไหม้แสดงว่าเทวดาไม่รักษาเพราะเจ้าของบ้านมีบาปกรรมและไม่เคยส่งบุญให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวร ที่บ้านข้าพเจ้าผู้เขียนก็มีเหตุแปลกเกิดขึ้นบ่อยๆ พัดลมปิดเอง ไฟฟ้าปิดเอง ถ้าทำอะไรไม่เหมาะสมจะมีสิ่งตักเตือนเกิดขึ้น
ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหยุดการจองเวรแล้วกลับมาเป็นเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเรา
ทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์-สัตว์ ทั้งหลาย ไปทางไหนมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นสามารถห้ามฟ้าฝนได้ สามารถขอฝนให้ตกก็ได้ ตัวข้าพเจ้าชอบเข้าป่าหาสมุนไพรช่วงหน้าฝนตกชุกที่สุดในช่วงที่ผ่านมา เมื่อข้าพเจ้าจะออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซด์ไปตามถนน ก็จะอธิษฐานเบิกบุญให้แก่ภูตผีปีศาจทั้งหลายที่สถิตตามรายทางที่เดินทางผ่าน ให้พญาครุฑผู้ปกป้องแผ่นฟ้า ให้แก่พญานาคผู้ปกป้องผืนน้ำ ช่วงที่ข้าพเจ้าเดินทางอย่าได้ประสบอุบัติเหตุ และอย่าให้ฝนตกในระหว่างทาง เมื่ออยู่ในป่ากำลังขุดหัวยาก็อธิษฐานว่า ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอเบิกบุญของข้าพเจ้าจากสวรรค์ให้แก่ภูตผีปีศาจ เทวดา ยักษ์ ครุฑ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าแห่งนี้ ขออันตรายใดๆอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า พญานาคจงหยุดฝนในบริเวณนี้ พญาครุฑจงพัดเอาฝนที่ตกแล้วไปลงที่อื่น อย่าให้ข้าพเจ้าซึ่งกำลังทำงานต้องเปียกฝน ปรากฎว่าการเดินทางวันนั้นไม่มีฝน แต่ท้องถนนเปียกแสดงว่าฝนตกก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่ออยู่ในป่าไม่มีฝน พอออกมาถนนพบว่าถนนเปียก น้ำเจิ่งนองเต็มถนน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ข้าพเจ้าได้ฟังจากการเล่าของพระคุณเจ้าจึงนำมาปฏิบัติ ท่านเล่าว่าช่วงเกิดพายุใหญ่ต้นไม้หักระเนระนาด เกิดลูกเห็บตกลงมาหนาเป็นคืบในรอบนอกวัด แต่ที่วัดไม่มีฝน ไม่มีลม ไม่มีลูกเห็บ หลังจากนั้นพญาครุฑตัวโหญ่ได้มาหาท่านเรียนว่าเขาได้โอบปีกปกปิดบังวัดไว้จึงไม่มีฝนหรือพายุตกในวัด
การเดินทางจะไม่มีอุบัติภัยตามท้องถนน เมื่อจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้าจะมีเหตุให้รถเราติตขัดเสียหายจนวิ่งต่อไม่ได้ เมื่อเหตุผ่านไปแล้วรถเราจะดีเอง เมื่อเดินทางไปถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุนั้นก็จะพบเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียวที่เกิดขึ้นก่อน มีผู้คนล้มตายก็มี หากรถของเราไม่ติดขัดเสียก่อนเราก็อาจจะเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้นก็ได้
ธุรกิจการค้า หน้าที่การงาน จะเจริญรุ่งเรือง จะพบช่องทางทำมาหากินที่แจ้งชัด ถ้าตกงานก็จะได้งานทำถ้าเจ้านายเกลียดก็จะรักชอบขึ้นร้านอาหาร ร้านขายของ จะมีแขกเข้าร้านมากกว่าเดิม และอย่าลืม ถ้ามีคนมาอุดหนุนให้อธิษฐานบุญให้แก่เทวดาที่รักษาลูกค้าที่มาอุดหนุนทันที ต่อมาเทวดาก็จะดลใจให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีก
นอนหลับสบายไม่สะดุ้งผวาด้วยภัยอันตรายรอบทิศทางแม้ฝันก็ฝันดี
ร่างกายจะแข็งแรงสุขภาพสมบูรณ์ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน
ครอบครัวจะอยู่กันอย่างมีความสุขมีความเข้าอกเข้าใจกัน
เพื่อนบ้านก็จะรักใคร่ปรองดองกัน ไม่เบียดเบียนส่อเสียดกัน ให้ความเกรงอกเกรงใจซึ่งกันและกัน
พระอาจารย์เล่าว่า วิชาจ่ายบุญนี้ใช้กันมากมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่เพิ่งสาบสูญไปเมื่อ 500-600 ปีมานี่เอง ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญและเทวดาผู้รับบุญ
พระอาจารย์ค้นพบวิชานี้โดยบังเอิญและด้วยความพยายาม ซึ่งมีเล่าอยู่ในแผ่น ซีดี วีซีดี MP3 คนจะเลิกทำบาปมาแสวงบุญก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะสนใจให้ทาน รักษาศีลบำเพ็ญภาวนา ก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ก็เพราะได้ฟังธรรม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ธรรมทานคือการให้ธรรมเหนือกว่าการให้สิ่งอื่นๆทั้งหมด แม้ถวายทานในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ยังไม่เหนือกว่าธรรมท่านได้” บุญกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขอมอบแด่เทวดาที่รักษาท่านผู้อ่านและผู้ฟังทุกท่าน เมื่อเทวดาได้รับบุญนี้แล้วจงมีความสุขความเจริญ มีฤทธิ์มีอำนาจ จงช่วยเหลือท่านผู้อ่านและผู้ฟังให้ประสบความรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปตลอดกาลนานเทอญ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น